การเตรียมตัวเพื่อศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น

คำว่า ศึกษาต่อ คำเดียวนั้นที่จริงแล้วมีการเตรียมตัวสอบแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่า นักเรียนต้องการศึกษาต่อ โรงเรียนเฉพาะทาง ปริญญาตรี หรือปริญญาโทในมหาวิทยาลัย

การศึกษาต่อปริญญาตรี

การศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นจำเป็นต้องมีผลการสอบ EJU
การสอบ EJU จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน และพฤศจิกายนของทุกปี โดยจัดสอบทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ การสอบ EJU จะมีกำหนดวันปิดรับสมัครก่อนถึงวันสอบประมาณ 3-4 เดือน มหาวิทยาลัยบางแห่งเช่น มหาวิทยาลัยวาเซดะ จะพิจารณารับนักเรียนที่จะเข้าเรียนในเดือนเมษายนปีถัดไป จากผลการสอบในเดือนมิถุนายนปีปัจจุบัน ดังนั้นนักเรียนจึงจำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้าไว้มากๆ และในตอนนี้มีแนวโน้มว่ามหาวิทยาลัยที่จะใช้ผลการสอบในเดือนมิถุนายนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นักเรียนต้องระวังจุดนี้ด้วย

การเตรียมตัวสอบวิชาอื่นๆนอกจากวิชาภาษาญี่ปุ่นของ EJUได้แก่วิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์สังคม ก็เป็นสิ่งจำเป็น ทุกวิชาล้วนมีขอบข่ายเนื้อหากว้างแถมยังอาจจะไม่ตรงกับที่นักเรียนได้เรียนมาตอนอยู่ประเทศของตนเองด้วย นักเรียนควรเริ่มทดลองทำข้อสอบเก่าโดยเร็ว

นอกจากการเตรียมสอบ EJU แล้วยังต้องมีการเตรียมสอบภาษาอังกฤษและฝึกสอบสัมภาษณ์ด้วย
สำหรับการสอบภาษาอังกฤษมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ต้องการผลการสอบ TOEFL หรือ TOEIC การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐส่วนมากจำเป็นต้องใช้ผลคะแนน TOEFL ซึ่งการสอบเหล่านี้นักเรียนต้องใส่ใจเรื่องกำหนดวันสอบและวันประกาศผลด้วย มิฉะนั้นอาจจะไม่ทันวันที่ต้องส่งใบสมัคร
อีกทั้ง มหาวิทยาลัยส่วนมากจะกำหนดให้มีการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย เพื่อไม่ให้เราตอบตายตัวตามคู่มือระหว่างที่เรียนอยู่ในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นต้องพยายามเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และพยายามอ่านหนังสือมากๆเพื่อให้สามารถพูดสิ่งความคิดของตนเองได้

การศึกษาต่อในโรงเรียนวิชาชีพ

ในการศึกษาต่อโรงเรียนวิชาชีพมีโรงเรียนหลายแห่งที่ต้องการนักเรียนที่มีความสามารถภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ระดับ N2 ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นสาขาวิชาที่เกี่ยวกับการแปลหรือการล่ามจำเป็นต้องมีความสามารถระดับ N1
ข้อสอบเข้าโรงเรียนวิชาชีพส่วนมากจะมีการสอบสัมภาษณ์ด้วย แม้นักเรียนจะสอบผ่าน N1 หรือ N2 แล้วแต่หากไม่มีความสามารถในการสื่อสารในการสอบสัมภาษณ์ก็จะสอบไม่ผ่าน ระหว่างที่ยังอยู่โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น นักเรียนควรพยายามเข้าร่วมกิจกรรมสังสรรค์แลกเปลี่ยนกับคนญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ เพื่อลับคมความสามารถในการสื่อสารของนักเรียนเตรียมเอาไว้

การศึกษาต่อระดับปริญญาโท

สำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแผนการวิจัย โดยนักเรียนต้องกำหนดหัวข้อเรื่องที่อยากทำวิจัย แล้วเขียนเป็นแผนการวิจัยโดยต้องมีรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมเช่น รายละเอียดการวิจัย วิธีการทำวิจัย แล้วส่งพร้อมกับใบสมัคร ดังนั้น นักเรียนจึงจำเป็นต้องอ่านหนังสือเฉพาะทาง และวิทยานิพนธ์จำนวนมาก สำหรับแผนการวิจัยจะมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ 3 ประเด็นคือ ①หัวข้องานวิจัยเหมาะสมหรือไม่ ②โครงสร้างถูกต้องตามหลักการหรือไม่ ③ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นถึงระดับที่เพียงพอหรือไม่

การเลือกคอร์ส

日本語学校修了後に、日本の大学や大学院に進学を希望するなら、進学コース(1年、1.5年、2年)を選択してください。
4月入学なら進学1年コースまたは進学2年コース、10月入学なら進学1.5年コースとなります。
進学1年コースは、出願時に原則として日本語能力試験(JLPT)のN2レベル以上が必要です。
日本語3ヶ月コースに7月に短期滞在ビザで入学し、10月から留学ビザに切り替えで進学1.5年コースに入ることも可能です。
専門学校に進学をするなら、日本語コースをお選びください。
หากนักเรียนต้องการจะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นระดับปริญญาตรี หรือ ปริญญาโท หลังจากเรียนจบจากโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น กรุณาเลือกคอร์สศึกษาต่อ (1ปี หรือ 1.5ปี หรือ 2 ปี)
หากนักเรียนจะเริ่มมาเข้าเรียนในเดือนเมษายน นักเรียนสามารถเลือกคอร์ส 1 ปี หรือ 2 ปี เตรียมศึกษาต่อ แต่ถ้าหากนักเรียนเข้าเรียนในเดือนตุลาคม ต้องเลือกคอร์ส 1.5 ปี เตรียมศึกษาต่อ
คอร์ส 1 ปีเตรียมศึกษาต่อ จะสมัครได้เฉพาะนักเรียนที่สอบผ่าน JLPT N2 แล้ว ณ วันที่ยื่นใบสมัคร
หรือนักเรียนสามารถมาเรียนคอร์ส ภาษาญี่ปุ่นระยะสั้นก่อน 3 เดือนโดยมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยใช้วีซ่าอยู่อาศัยระยะสั้น หลังจากนั้นตั้งแต่เดือนตุลาคมเปลี่ยนวีซ่าเป็นวีซ่านักเรียนแล้วเข้าเรียนคอร์ส 1.5 ปีเตรียมศึกษาต่อต่อเลยก็ได้
สำหรับนักเรียนที่ต้องการจะเรียนต่อในโรงเรียนเฉพาะทาง กรุณาเลือกคอร์สภาษาญี่ปุ่น